สารีปุตตสูตร
พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สคาถวรรค [๘. วังคีสสังยุต]
๖. สารีปุตตสูตร
และไม่เป็นเหตุเบียดเบียนชนอื่น
วาจานั้นแลเป็นสุภาษิต
บุคคลพึงกล่าวแต่วาจาอันเป็นที่รัก
ที่ชนทั้งหลายชื่นชอบ ไม่พึงพูดหยาบคายต่อชนเหล่าอื่น
พึงพูดแต่วาจาอันเป็นที่รัก
คำสัตย์แลเป็นวาจาไม่ตาย
ธรรมนี้เป็นของเก่า
สัตบุรุษทั้งหลายตั้งมั่นแล้วในคำสัตย์
ทั้งที่เป็นอรรถและเป็นธรรม
พระพุทธเจ้าตรัสพระวาจาใด อันเกษม
เพื่อบรรลุนิพพาน เพื่อทำที่สุดแห่งทุกข์
พระวาจานั้นแล สูงสุดกว่าวาจาทั้งหลาย๑
สุภาสิตสูตรที่ ๕ จบ
๖. สารีปุตตสูตร
ว่าด้วยพระสารีบุตร
{๗๔๑}[๒๑๔] สมัยหนึ่ง ท่านพระสารีบุตรอยู่ ณ พระเชตวัน อารามของอนาถ-
บิณฑิกเศรษฐี เขตกรุงสาวัตถี สมัยนั้น ท่านพระสารีบุตรชี้แจงให้ภิกษุทั้งหลาย
เห็นชัด ชวนใจให้อยากรับเอาไปปฏิบัติ เร้าใจให้อาจหาญแกล้วกล้า ปลอบชโลมใจ
ให้สดชื่นร่าเริงด้วยธรรมีกถา ด้วยวาจาชาวเมือง ที่สละสลวย ไม่หยาบคาย ให้รู้
ความหมายได้ ส่วนภิกษุเหล่านั้นต่างก็ใส่ใจให้สำเร็จประโยชน์ น้อมนึกมาด้วย
ความเต็มใจ เงี่ยโสตสดับธรรมอยู่
๑ ดู ขุ.เถร. (แปล) ๒๖/๑๒๓๖-๑๒๓๙/๕๔๑พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สคาถวรรค [๘. วังคีสสังยุต]
๖. สารีปุตตสูตร
{๗๔๒} ครั้งนั้น ท่านพระวังคีสะได้มีความคิดดังนี้ว่า “ท่านพระสารีบุตรนี้ชี้แจงให้
ภิกษุทั้งหลายเห็นชัด ชวนใจให้อยากรับเอาไปปฏิบัติ เร้าใจให้อาจหาญแกล้วกล้า
ปลอบชโลมใจให้สดชื่นร่าเริงด้วยธรรมีกถา ด้วยวาจาชาวเมือง ที่สละสลวย ไม่หยาบคาย
ให้รู้ความหมายได้ ส่วนภิกษุเหล่านั้นต่างก็ใส่ใจให้สำเร็จประโยชน์ น้อมนึกมาด้วย
ความเต็มใจ เงี่ยโสตสดับธรรมอยู่ ทางที่ดีเราควรสรรเสริญท่านพระสารีบุตรด้วย
คาถาทั้งหลายอันสมควร ณ ที่เฉพาะหน้าเถิด”
ลำดับนั้น ท่านพระวังคีสะลุกขึ้นจากอาสนะ ห่มผ้าเฉวียงบ่า ประนมมือไป
ทางที่ท่านพระสารีบุตรอยู่ ได้กล่าวกับท่านพระสารีบุตรดังนี้ว่า “ท่านพระสารีบุตร
เนื้อความนี้ย่อมปรากฏแก่ข้าพเจ้า ท่านพระสารีบุตร เนื้อความนี้ย่อมปรากฏแก่
ข้าพเจ้า”
ท่านพระสารีบุตรกล่าวกับท่านพระวังคีสะว่า “เนื้อความนั้นจงปรากฏแก่ท่านเถิด
ท่านวังคีสะ”
{๗๔๓} ครั้งนั้น ท่านพระวังคีสะได้สรรเสริญท่านพระสารีบุตร ด้วยคาถาทั้งหลาย
อันสมควร ณ ที่เฉพาะหน้าว่า
ท่านพระสารีบุตร เป็นนักปราชญ์
มีปัญญาลึกซึ้ง ฉลาดในทางและมิใช่ทาง
มีปัญญามาก แสดงธรรมแก่ภิกษุทั้งหลาย
แสดงโดยย่อก็ได้ โดยพิสดารก็ได้
เสียงที่เปล่งออกไพเราะ เหมือนเสียงนกสาลิกา
ปฏิภาณก็ปรากฏ
เมื่อท่านแสดงธรรมนั้นอยู่
ภิกษุทั้งหลายฟังเสียงอันไพเราะ
ก็มีจิตร่าเริงเบิกบานด้วยเสียงที่น่ายินดี
น่าฟัง ไพเราะจับใจ จึงตั้งใจฟัง๑
สารีปุตตสูตรที่ ๖ จบ
๑ ดูเทียบ ขุ.เถร. (แปล) ๒๖/๑๒๔๐-๑๒๔๒/๕๔๑-๕๔๒พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สคาถวรรค [๘. วังคีสสังยุต]
๖. สารีปุตตสูตร
{๗๔๒} ครั้งนั้น ท่านพระวังคีสะได้มีความคิดดังนี้ว่า “ท่านพระสารีบุตรนี้ชี้แจงให้
ภิกษุทั้งหลายเห็นชัด ชวนใจให้อยากรับเอาไปปฏิบัติ เร้าใจให้อาจหาญแกล้วกล้า
ปลอบชโลมใจให้สดชื่นร่าเริงด้วยธรรมีกถา ด้วยวาจาชาวเมือง ที่สละสลวย ไม่หยาบคาย
ให้รู้ความหมายได้ ส่วนภิกษุเหล่านั้นต่างก็ใส่ใจให้สำเร็จประโยชน์ น้อมนึกมาด้วย
ความเต็มใจ เงี่ยโสตสดับธรรมอยู่ ทางที่ดีเราควรสรรเสริญท่านพระสารีบุตรด้วย
คาถาทั้งหลายอันสมควร ณ ที่เฉพาะหน้าเถิด”
ลำดับนั้น ท่านพระวังคีสะลุกขึ้นจากอาสนะ ห่มผ้าเฉวียงบ่า ประนมมือไป
ทางที่ท่านพระสารีบุตรอยู่ ได้กล่าวกับท่านพระสารีบุตรดังนี้ว่า “ท่านพระสารีบุตร
เนื้อความนี้ย่อมปรากฏแก่ข้าพเจ้า ท่านพระสารีบุตร เนื้อความนี้ย่อมปรากฏแก่
ข้าพเจ้า”
ท่านพระสารีบุตรกล่าวกับท่านพระวังคีสะว่า “เนื้อความนั้นจงปรากฏแก่ท่านเถิด
ท่านวังคีสะ”
{๗๔๓} ครั้งนั้น ท่านพระวังคีสะได้สรรเสริญท่านพระสารีบุตร ด้วยคาถาทั้งหลาย
อันสมควร ณ ที่เฉพาะหน้าว่า
ท่านพระสารีบุตร เป็นนักปราชญ์
มีปัญญาลึกซึ้ง ฉลาดในทางและมิใช่ทาง
มีปัญญามาก แสดงธรรมแก่ภิกษุทั้งหลาย
แสดงโดยย่อก็ได้ โดยพิสดารก็ได้
เสียงที่เปล่งออกไพเราะ เหมือนเสียงนกสาลิกา
ปฏิภาณก็ปรากฏ
เมื่อท่านแสดงธรรมนั้นอยู่
ภิกษุทั้งหลายฟังเสียงอันไพเราะ
ก็มีจิตร่าเริงเบิกบานด้วยเสียงที่น่ายินดี
น่าฟัง ไพเราะจับใจ จึงตั้งใจฟัง๑
สารีปุตตสูตรที่ ๖ จบ
๑ ดูเทียบ ขุ.เถร. (แปล) ๒๖/๑๒๔๐-๑๒๔๒/๕๔๑-๕๔๒พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สคาถวรรค [๘. วังคีสสังยุต]
๖. สารีปุตตสูตร
{๗๔๒} ครั้งนั้น ท่านพระวังคีสะได้มีความคิดดังนี้ว่า “ท่านพระสารีบุตรนี้ชี้แจงให้
ภิกษุทั้งหลายเห็นชัด ชวนใจให้อยากรับเอาไปปฏิบัติ เร้าใจให้อาจหาญแกล้วกล้า
ปลอบชโลมใจให้สดชื่นร่าเริงด้วยธรรมีกถา ด้วยวาจาชาวเมือง ที่สละสลวย ไม่หยาบคาย
ให้รู้ความหมายได้ ส่วนภิกษุเหล่านั้นต่างก็ใส่ใจให้สำเร็จประโยชน์ น้อมนึกมาด้วย
ความเต็มใจ เงี่ยโสตสดับธรรมอยู่ ทางที่ดีเราควรสรรเสริญท่านพระสารีบุตรด้วย
คาถาทั้งหลายอันสมควร ณ ที่เฉพาะหน้าเถิด”
ลำดับนั้น ท่านพระวังคีสะลุกขึ้นจากอาสนะ ห่มผ้าเฉวียงบ่า ประนมมือไป
ทางที่ท่านพระสารีบุตรอยู่ ได้กล่าวกับท่านพระสารีบุตรดังนี้ว่า “ท่านพระสารีบุตร
เนื้อความนี้ย่อมปรากฏแก่ข้าพเจ้า ท่านพระสารีบุตร เนื้อความนี้ย่อมปรากฏแก่
ข้าพเจ้า”
ท่านพระสารีบุตรกล่าวกับท่านพระวังคีสะว่า “เนื้อความนั้นจงปรากฏแก่ท่านเถิด
ท่านวังคีสะ”
{๗๔๓} ครั้งนั้น ท่านพระวังคีสะได้สรรเสริญท่านพระสารีบุตร ด้วยคาถาทั้งหลาย
อันสมควร ณ ที่เฉพาะหน้าว่า
ท่านพระสารีบุตร เป็นนักปราชญ์
มีปัญญาลึกซึ้ง ฉลาดในทางและมิใช่ทาง
มีปัญญามาก แสดงธรรมแก่ภิกษุทั้งหลาย
แสดงโดยย่อก็ได้ โดยพิสดารก็ได้
เสียงที่เปล่งออกไพเราะ เหมือนเสียงนกสาลิกา
ปฏิภาณก็ปรากฏ
เมื่อท่านแสดงธรรมนั้นอยู่
ภิกษุทั้งหลายฟังเสียงอันไพเราะ
ก็มีจิตร่าเริงเบิกบานด้วยเสียงที่น่ายินดี
น่าฟัง ไพเราะจับใจ จึงตั้งใจฟัง๑
สารีปุตตสูตรที่ ๖ จบ
พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สคาถวรรค [๘. วังคีสสังยุต]
๖. สารีปุตตสูตร
{๗๔๒} ครั้งนั้น ท่านพระวังคีสะได้มีความคิดดังนี้ว่า “ท่านพระสารีบุตรนี้ชี้แจงให้
ภิกษุทั้งหลายเห็นชัด ชวนใจให้อยากรับเอาไปปฏิบัติ เร้าใจให้อาจหาญแกล้วกล้า
ปลอบชโลมใจให้สดชื่นร่าเริงด้วยธรรมีกถา ด้วยวาจาชาวเมือง ที่สละสลวย ไม่หยาบคาย
ให้รู้ความหมายได้ ส่วนภิกษุเหล่านั้นต่างก็ใส่ใจให้สำเร็จประโยชน์ น้อมนึกมาด้วย
ความเต็มใจ เงี่ยโสตสดับธรรมอยู่ ทางที่ดีเราควรสรรเสริญท่านพระสารีบุตรด้วย
คาถาทั้งหลายอันสมควร ณ ที่เฉพาะหน้าเถิด”
ลำดับนั้น ท่านพระวังคีสะลุกขึ้นจากอาสนะ ห่มผ้าเฉวียงบ่า ประนมมือไป
ทางที่ท่านพระสารีบุตรอยู่ ได้กล่าวกับท่านพระสารีบุตรดังนี้ว่า “ท่านพระสารีบุตร
เนื้อความนี้ย่อมปรากฏแก่ข้าพเจ้า ท่านพระสารีบุตร เนื้อความนี้ย่อมปรากฏแก่
ข้าพเจ้า”
ท่านพระสารีบุตรกล่าวกับท่านพระวังคีสะว่า “เนื้อความนั้นจงปรากฏแก่ท่านเถิด
ท่านวังคีสะ”
{๗๔๓} ครั้งนั้น ท่านพระวังคีสะได้สรรเสริญท่านพระสารีบุตร ด้วยคาถาทั้งหลาย
อันสมควร ณ ที่เฉพาะหน้าว่า
ท่านพระสารีบุตร เป็นนักปราชญ์
มีปัญญาลึกซึ้ง ฉลาดในทางและมิใช่ทาง
มีปัญญามาก แสดงธรรมแก่ภิกษุทั้งหลาย
แสดงโดยย่อก็ได้ โดยพิสดารก็ได้
เสียงที่เปล่งออกไพเราะ เหมือนเสียงนกสาลิกา
ปฏิภาณก็ปรากฏ
เมื่อท่านแสดงธรรมนั้นอยู่
ภิกษุทั้งหลายฟังเสียงอันไพเราะ
ก็มีจิตร่าเริงเบิกบานด้วยเสียงที่น่ายินดี
น่าฟัง ไพเราะจับใจ จึงตั้งใจฟัง๑
สารีปุตตสูตรที่ ๖ จบ
๑ ดูเทียบ ขุ.เถร. (แปล) ๒๖/๑๒๔๐-๑๒๔๒/๕๔๑-๕๔๒
๑ ดูเทียบ ขุ.เถร. (แปล) ๒๖/๑๒๔๐-๑๒๔๒/๕๔๑-๕๔๒
๖. สารีปุตตสูตร
และไม่เป็นเหตุเบียดเบียนชนอื่น
วาจานั้นแลเป็นสุภาษิต
บุคคลพึงกล่าวแต่วาจาอันเป็นที่รัก
ที่ชนทั้งหลายชื่นชอบ ไม่พึงพูดหยาบคายต่อชนเหล่าอื่น
พึงพูดแต่วาจาอันเป็นที่รัก
คำสัตย์แลเป็นวาจาไม่ตาย
ธรรมนี้เป็นของเก่า
สัตบุรุษทั้งหลายตั้งมั่นแล้วในคำสัตย์
ทั้งที่เป็นอรรถและเป็นธรรม
พระพุทธเจ้าตรัสพระวาจาใด อันเกษม
เพื่อบรรลุนิพพาน เพื่อทำที่สุดแห่งทุกข์
พระวาจานั้นแล สูงสุดกว่าวาจาทั้งหลาย๑
สุภาสิตสูตรที่ ๕ จบ
๖. สารีปุตตสูตร
ว่าด้วยพระสารีบุตร
{๗๔๑}[๒๑๔] สมัยหนึ่ง ท่านพระสารีบุตรอยู่ ณ พระเชตวัน อารามของอนาถ-
บิณฑิกเศรษฐี เขตกรุงสาวัตถี สมัยนั้น ท่านพระสารีบุตรชี้แจงให้ภิกษุทั้งหลาย
เห็นชัด ชวนใจให้อยากรับเอาไปปฏิบัติ เร้าใจให้อาจหาญแกล้วกล้า ปลอบชโลมใจ
ให้สดชื่นร่าเริงด้วยธรรมีกถา ด้วยวาจาชาวเมือง ที่สละสลวย ไม่หยาบคาย ให้รู้
ความหมายได้ ส่วนภิกษุเหล่านั้นต่างก็ใส่ใจให้สำเร็จประโยชน์ น้อมนึกมาด้วย
ความเต็มใจ เงี่ยโสตสดับธรรมอยู่
๑ ดู ขุ.เถร. (แปล) ๒๖/๑๒๓๖-๑๒๓๙/๕๔๑พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สคาถวรรค [๘. วังคีสสังยุต]
๖. สารีปุตตสูตร
{๗๔๒} ครั้งนั้น ท่านพระวังคีสะได้มีความคิดดังนี้ว่า “ท่านพระสารีบุตรนี้ชี้แจงให้
ภิกษุทั้งหลายเห็นชัด ชวนใจให้อยากรับเอาไปปฏิบัติ เร้าใจให้อาจหาญแกล้วกล้า
ปลอบชโลมใจให้สดชื่นร่าเริงด้วยธรรมีกถา ด้วยวาจาชาวเมือง ที่สละสลวย ไม่หยาบคาย
ให้รู้ความหมายได้ ส่วนภิกษุเหล่านั้นต่างก็ใส่ใจให้สำเร็จประโยชน์ น้อมนึกมาด้วย
ความเต็มใจ เงี่ยโสตสดับธรรมอยู่ ทางที่ดีเราควรสรรเสริญท่านพระสารีบุตรด้วย
คาถาทั้งหลายอันสมควร ณ ที่เฉพาะหน้าเถิด”
ลำดับนั้น ท่านพระวังคีสะลุกขึ้นจากอาสนะ ห่มผ้าเฉวียงบ่า ประนมมือไป
ทางที่ท่านพระสารีบุตรอยู่ ได้กล่าวกับท่านพระสารีบุตรดังนี้ว่า “ท่านพระสารีบุตร
เนื้อความนี้ย่อมปรากฏแก่ข้าพเจ้า ท่านพระสารีบุตร เนื้อความนี้ย่อมปรากฏแก่
ข้าพเจ้า”
ท่านพระสารีบุตรกล่าวกับท่านพระวังคีสะว่า “เนื้อความนั้นจงปรากฏแก่ท่านเถิด
ท่านวังคีสะ”
{๗๔๓} ครั้งนั้น ท่านพระวังคีสะได้สรรเสริญท่านพระสารีบุตร ด้วยคาถาทั้งหลาย
อันสมควร ณ ที่เฉพาะหน้าว่า
ท่านพระสารีบุตร เป็นนักปราชญ์
มีปัญญาลึกซึ้ง ฉลาดในทางและมิใช่ทาง
มีปัญญามาก แสดงธรรมแก่ภิกษุทั้งหลาย
แสดงโดยย่อก็ได้ โดยพิสดารก็ได้
เสียงที่เปล่งออกไพเราะ เหมือนเสียงนกสาลิกา
ปฏิภาณก็ปรากฏ
เมื่อท่านแสดงธรรมนั้นอยู่
ภิกษุทั้งหลายฟังเสียงอันไพเราะ
ก็มีจิตร่าเริงเบิกบานด้วยเสียงที่น่ายินดี
น่าฟัง ไพเราะจับใจ จึงตั้งใจฟัง๑
สารีปุตตสูตรที่ ๖ จบ
๑ ดูเทียบ ขุ.เถร. (แปล) ๒๖/๑๒๔๐-๑๒๔๒/๕๔๑-๕๔๒พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สคาถวรรค [๘. วังคีสสังยุต]
๖. สารีปุตตสูตร
{๗๔๒} ครั้งนั้น ท่านพระวังคีสะได้มีความคิดดังนี้ว่า “ท่านพระสารีบุตรนี้ชี้แจงให้
ภิกษุทั้งหลายเห็นชัด ชวนใจให้อยากรับเอาไปปฏิบัติ เร้าใจให้อาจหาญแกล้วกล้า
ปลอบชโลมใจให้สดชื่นร่าเริงด้วยธรรมีกถา ด้วยวาจาชาวเมือง ที่สละสลวย ไม่หยาบคาย
ให้รู้ความหมายได้ ส่วนภิกษุเหล่านั้นต่างก็ใส่ใจให้สำเร็จประโยชน์ น้อมนึกมาด้วย
ความเต็มใจ เงี่ยโสตสดับธรรมอยู่ ทางที่ดีเราควรสรรเสริญท่านพระสารีบุตรด้วย
คาถาทั้งหลายอันสมควร ณ ที่เฉพาะหน้าเถิด”
ลำดับนั้น ท่านพระวังคีสะลุกขึ้นจากอาสนะ ห่มผ้าเฉวียงบ่า ประนมมือไป
ทางที่ท่านพระสารีบุตรอยู่ ได้กล่าวกับท่านพระสารีบุตรดังนี้ว่า “ท่านพระสารีบุตร
เนื้อความนี้ย่อมปรากฏแก่ข้าพเจ้า ท่านพระสารีบุตร เนื้อความนี้ย่อมปรากฏแก่
ข้าพเจ้า”
ท่านพระสารีบุตรกล่าวกับท่านพระวังคีสะว่า “เนื้อความนั้นจงปรากฏแก่ท่านเถิด
ท่านวังคีสะ”
{๗๔๓} ครั้งนั้น ท่านพระวังคีสะได้สรรเสริญท่านพระสารีบุตร ด้วยคาถาทั้งหลาย
อันสมควร ณ ที่เฉพาะหน้าว่า
ท่านพระสารีบุตร เป็นนักปราชญ์
มีปัญญาลึกซึ้ง ฉลาดในทางและมิใช่ทาง
มีปัญญามาก แสดงธรรมแก่ภิกษุทั้งหลาย
แสดงโดยย่อก็ได้ โดยพิสดารก็ได้
เสียงที่เปล่งออกไพเราะ เหมือนเสียงนกสาลิกา
ปฏิภาณก็ปรากฏ
เมื่อท่านแสดงธรรมนั้นอยู่
ภิกษุทั้งหลายฟังเสียงอันไพเราะ
ก็มีจิตร่าเริงเบิกบานด้วยเสียงที่น่ายินดี
น่าฟัง ไพเราะจับใจ จึงตั้งใจฟัง๑
สารีปุตตสูตรที่ ๖ จบ
๑ ดูเทียบ ขุ.เถร. (แปล) ๒๖/๑๒๔๐-๑๒๔๒/๕๔๑-๕๔๒พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สคาถวรรค [๘. วังคีสสังยุต]
๖. สารีปุตตสูตร
{๗๔๒} ครั้งนั้น ท่านพระวังคีสะได้มีความคิดดังนี้ว่า “ท่านพระสารีบุตรนี้ชี้แจงให้
ภิกษุทั้งหลายเห็นชัด ชวนใจให้อยากรับเอาไปปฏิบัติ เร้าใจให้อาจหาญแกล้วกล้า
ปลอบชโลมใจให้สดชื่นร่าเริงด้วยธรรมีกถา ด้วยวาจาชาวเมือง ที่สละสลวย ไม่หยาบคาย
ให้รู้ความหมายได้ ส่วนภิกษุเหล่านั้นต่างก็ใส่ใจให้สำเร็จประโยชน์ น้อมนึกมาด้วย
ความเต็มใจ เงี่ยโสตสดับธรรมอยู่ ทางที่ดีเราควรสรรเสริญท่านพระสารีบุตรด้วย
คาถาทั้งหลายอันสมควร ณ ที่เฉพาะหน้าเถิด”
ลำดับนั้น ท่านพระวังคีสะลุกขึ้นจากอาสนะ ห่มผ้าเฉวียงบ่า ประนมมือไป
ทางที่ท่านพระสารีบุตรอยู่ ได้กล่าวกับท่านพระสารีบุตรดังนี้ว่า “ท่านพระสารีบุตร
เนื้อความนี้ย่อมปรากฏแก่ข้าพเจ้า ท่านพระสารีบุตร เนื้อความนี้ย่อมปรากฏแก่
ข้าพเจ้า”
ท่านพระสารีบุตรกล่าวกับท่านพระวังคีสะว่า “เนื้อความนั้นจงปรากฏแก่ท่านเถิด
ท่านวังคีสะ”
{๗๔๓} ครั้งนั้น ท่านพระวังคีสะได้สรรเสริญท่านพระสารีบุตร ด้วยคาถาทั้งหลาย
อันสมควร ณ ที่เฉพาะหน้าว่า
ท่านพระสารีบุตร เป็นนักปราชญ์
มีปัญญาลึกซึ้ง ฉลาดในทางและมิใช่ทาง
มีปัญญามาก แสดงธรรมแก่ภิกษุทั้งหลาย
แสดงโดยย่อก็ได้ โดยพิสดารก็ได้
เสียงที่เปล่งออกไพเราะ เหมือนเสียงนกสาลิกา
ปฏิภาณก็ปรากฏ
เมื่อท่านแสดงธรรมนั้นอยู่
ภิกษุทั้งหลายฟังเสียงอันไพเราะ
ก็มีจิตร่าเริงเบิกบานด้วยเสียงที่น่ายินดี
น่าฟัง ไพเราะจับใจ จึงตั้งใจฟัง๑
สารีปุตตสูตรที่ ๖ จบ
พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สคาถวรรค [๘. วังคีสสังยุต]
๖. สารีปุตตสูตร
{๗๔๒} ครั้งนั้น ท่านพระวังคีสะได้มีความคิดดังนี้ว่า “ท่านพระสารีบุตรนี้ชี้แจงให้
ภิกษุทั้งหลายเห็นชัด ชวนใจให้อยากรับเอาไปปฏิบัติ เร้าใจให้อาจหาญแกล้วกล้า
ปลอบชโลมใจให้สดชื่นร่าเริงด้วยธรรมีกถา ด้วยวาจาชาวเมือง ที่สละสลวย ไม่หยาบคาย
ให้รู้ความหมายได้ ส่วนภิกษุเหล่านั้นต่างก็ใส่ใจให้สำเร็จประโยชน์ น้อมนึกมาด้วย
ความเต็มใจ เงี่ยโสตสดับธรรมอยู่ ทางที่ดีเราควรสรรเสริญท่านพระสารีบุตรด้วย
คาถาทั้งหลายอันสมควร ณ ที่เฉพาะหน้าเถิด”
ลำดับนั้น ท่านพระวังคีสะลุกขึ้นจากอาสนะ ห่มผ้าเฉวียงบ่า ประนมมือไป
ทางที่ท่านพระสารีบุตรอยู่ ได้กล่าวกับท่านพระสารีบุตรดังนี้ว่า “ท่านพระสารีบุตร
เนื้อความนี้ย่อมปรากฏแก่ข้าพเจ้า ท่านพระสารีบุตร เนื้อความนี้ย่อมปรากฏแก่
ข้าพเจ้า”
ท่านพระสารีบุตรกล่าวกับท่านพระวังคีสะว่า “เนื้อความนั้นจงปรากฏแก่ท่านเถิด
ท่านวังคีสะ”
{๗๔๓} ครั้งนั้น ท่านพระวังคีสะได้สรรเสริญท่านพระสารีบุตร ด้วยคาถาทั้งหลาย
อันสมควร ณ ที่เฉพาะหน้าว่า
ท่านพระสารีบุตร เป็นนักปราชญ์
มีปัญญาลึกซึ้ง ฉลาดในทางและมิใช่ทาง
มีปัญญามาก แสดงธรรมแก่ภิกษุทั้งหลาย
แสดงโดยย่อก็ได้ โดยพิสดารก็ได้
เสียงที่เปล่งออกไพเราะ เหมือนเสียงนกสาลิกา
ปฏิภาณก็ปรากฏ
เมื่อท่านแสดงธรรมนั้นอยู่
ภิกษุทั้งหลายฟังเสียงอันไพเราะ
ก็มีจิตร่าเริงเบิกบานด้วยเสียงที่น่ายินดี
น่าฟัง ไพเราะจับใจ จึงตั้งใจฟัง๑
สารีปุตตสูตรที่ ๖ จบ
๑ ดูเทียบ ขุ.เถร. (แปล) ๒๖/๑๒๔๐-๑๒๔๒/๕๔๑-๕๔๒
๑ ดูเทียบ ขุ.เถร. (แปล) ๒๖/๑๒๔๐-๑๒๔๒/๕๔๑-๕๔๒
ผู้แต่ง :
พระคัมภีร์เทพ ธมฺมิโก (คัดลอกมาจากพระไตรปิฎก)
โดย :
ที่อยู่ :
ต.หนองกะท้าว อ.นครไทย จ.พิษณุโลก
จำนวนเข้าดู :
465
ปรับปรุงล่าสุด :
21 พฤษภาคม พ.ศ. 2563 10:17:50
ข้อมูลเมื่อ :
21 พฤษภาคม พ.ศ. 2563 10:17:50