วัด
พระอารามหลวง
15 วัด
วัดราษฎร์
425 วัด
สำนักสงฆ์
8 วัด
ที่พักสงฆ์
20 วัด
วัดร้าง
3 วัด
วัดทั้งหมด
471 วัด
ศาสนบุคคลไทย
พระภิกษุ
252 รูป
สามเณร
33 รูป
แม่ชี
9 รูป
ภิกษุณี
0 รูป
สามเณรี
0 รูป
ศิษย์วัด
0 คน
บุคคลทั่วไปชาย
5 คน
บุคคลทั่วไปหญิง
0 คน
ทั้งหมด
299 รูป/คน
ศาสนบุคคลต่างชาติ
พระภิกษุ
0 รูป
สามเณร
0 รูป
แม่ชี
0 รูป
ภิกษุณี
0 รูป
สามเณรี
0 รูป
ศิษย์วัด
0 คน
บุคคลทั่วไปชาย
0 คน
บุคคลทั่วไปหญิง
0 คน
ทั้งหมด
0 รูป/คน
สถิติสถานภาพพระภิกษุปัจจุบัน
พระบวชใหม่
215 รูป
ลาสิกขา
5 รูป
มรณภาพ
2 รูป
รายชื่อวัด
ที่สามารถเข้าระบบได้ล่าสุด
จ. อุบลราชธานี
วันที่ 01-01-2568
จ. ลำปาง
วันที่ 01-01-2568
จ. ปราจีนบุรี
วันที่ 23-12-2567
จ. อุดรธานี
วันที่ 22-12-2567
จ. ลำปาง
วันที่ 08-12-2567
จ. ขอนแก่น
วันที่ 19-11-2567
จ. นนทบุรี
วันที่ 19-11-2567
จ. อุบลราชธานี
วันที่ 19-11-2567
จ. เลย
วันที่ 19-11-2567
จ. ศรีสะเกษ
วันที่ 19-11-2567
QR Code วัดเหล่าขวัญ
รหัสวัด :
03650703002
ชื่อวัด :
วัดเหล่าขวัญ
นิกาย :
มหานิกาย
ประเภทวัด :
วัดราษฎร์
วันตั้งวัด :
ปี 2418
วันรับวิสุงคามสีมา :
ปี 2458
ที่อยู่ :
-
เลขที่ :
108
หมู่ที่ :
3
ซอย :
-
ถนน :
-
แขวง / ตำบล :
ท้อแท้
เขต / อำเภอ :
วัดโบสถ์
จังหวัด :
พิษณุโลก
ไปรษณีย์ :
65160
เนื้อที่ :
9 ไร่
1 งาน
57 ตารางวา
อีเมล์ :
burapa256537@gmail.com
คุณสมบัติวัด :
เป็นศูนย์ศึกษาพระพุทธศาสนาวันอาทิตย์
จำนวนเข้าดู :
1342
ปรับปรุงล่าสุด :
9 มิถุนายน พ.ศ. 2568 09:58:37
ข้อมูลเมื่อ :
30 มกราคม พ.ศ. 2564 19:23:43
 
 
 
 
วัด.เหล่าขวัญ    ตั้งวัดเมื่อวันที่......-........เดือน.........-...................พ.ศ. 2418
ความเป็นมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน วัดเหล่าขวัญ ตั้งอยู่เลขที่ 108 หมู่ที่ 3 บ้านเหล่าขวัญ ตำบลท้อแท้ อำเภอวัดโบสถ์ จังหวัดพิษณุโลก สังกัดมหานิกาย มีเนื้อที่ 10 ไร่ 1 งาน 25 ตารางวา อาณาเขตทิศเหนือ ยาว 75 วา ติดต่อกับที่ดินราษฎร ทิศใต้ยาว 75 วา ติดต่อกับที่ดินของราษฎร  ทิศใต้ยาว 75 วา ติดต่อกับที่ตั้งโรงเรียน ทิศตะวันออกยาว 55 วาติดต่อกับแม่น้ำแควน้อย ทิศตะวันตก ยาว 55 วา ติดต่อกับที่ดินราษฎร
         พื้นที ่ตั้งวัดเป็นพื้นที่ราบลุ่ม มีบ้านเรือนประชาชนล้อมรอบวัด มีอุโบสถ 1 หลัง กว้าง 12 เมตร ยาว 22 เมตร สร้างเมื่อ พ.ศ. 2460 มีศาลาการเปรียญ 1 หลัง กว้าง 20 เมตร ยาว 20 เมตร สร้างเมื่อ พ.ศ. 2452 พื้นยกสูงเป็นคอนกรีตเสริมเหล็ก กว้าง 18 เมตร ยาว 26 เมตร มีกุฏิ 4 หลัง เป็นอาคารตึก 2 หลัง เป็นอาคารไม้ 2 หลัง มีปูชณียวัตถุ พระประธานในพระอุโบสถ และเจดีย์เก่า 1 องค์
         วัดเหล่าขวัญ ตั้งขึ้นเป็นวัดประมาณ พ.ศ. 2418 มีนามตามชื่อบ้าน นามเดิมเรียกว่า “วัดใน” ต่อมาเมื่อตลิ่งหน้าวัดพัง จึงได้ย้ายเสนาอาสนะหนีออกจากลำน้ำแควน้อย จึงเรียกว่า “วัดดนอก” ครั้นอยู่ต่อมาแม่น้ำแควน้อยได้เปลี่ยนทางเดินเกิดขาดแคลนน้ำ จึงได้ย้ายเสนาอาสนะในที่ปัจจุบัน ซึ่งอยู่ติดกับลำน้ำแควน้อย ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาประมาณ พ.ศ. 2458 เขตวิสุงคามสีมากว้าง 40 เมตร ยาว 80 เมตร มีพระจำพรรษาประมาณปีละ 7 รูป การบริหารและการปกครอง
  • มีเจ้าอาวาสมาแล้ว   18  รูป ลำดับเจ้าอาวาสตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ดังนี้
               ลำดับที่ 1  พระอาจารย์เขียว                                   ตั้งแต่ พ.ศ. ไม่ทราบ  ถึง พ.ศ. ไม่ทราบ
               ลำดับที่ 2  พระอาจารย์ปาน                                    ตั้งแต่ พ.ศ. ไม่ทราบ  ถึง พ.ศ. ไม่ทราบ
               ลำดับที่ 3  พระอาจารย์เย็น                                     ตั้งแต่ พ.ศ. 2457  ถึง พ.ศ. 2465
               ลำดับที่ 4  พระอาจารย์ป่วน                                    ตั้งแต่ พ.ศ. 2466 ถึง พ.ศ. 2468
               ลำดับที่ 5  พระอาจารย์ฉาย                                    ตั้งแต่ พ.ศ. 2468  ถึง พ.ศ. 2470
               ลำดับที่ 6  พระอาจารย์สวาท                                   ตั้งแต่ พ.ศ. 2470  ถึง พ.ศ. 2473
               ลำดับที่ 7  พระอาจารย์สอด                                    ตั้งแต่ พ.ศ. 2474  ถึง พ.ศ. 2476
               ลำดับที่ 8  พระอาจารย์จ่าง เดชปญฺโญ                        ตั้งแต่ พ.ศ. 2479 ถึง พ.ศ. 2490
               ลำดับที่ 9  พระอาจารย์น้อย  เขมโก                           ตั้งแต่ พ.ศ. 2491  ถึง พ.ศ. 2510
               ลำดับที่ 10  พระอาจารย์สุรัตน์  จกฺกรตฺตโน (รก)            ตั้งแต่ พ.ศ. 2511  ถึง พ.ศ. 2515
               ลำดับที่ 11  พระอาจารย์ชวน  วชิรวํโส (รก)                  ตั้งแต่ พ.ศ. 2525 ถึง พ.ศ. 2526
               ลำดับที่  12 พระครูสถิตธรรมภิรมย์  ( วิจิตร  ฐิตธมฺโม )  ตั้งแต่ พ.ศ.2526 ถึง พ.ศ. 2549
               ลำดับที่ 13  พระดิเรก  ธีรธมฺโม   ( รก.จร )                  ตั้งแต่ พ.ศ.2549 ถึง พ.ศ. 2551
               ลำดับที่ 14  พระพล  กตสาโร    ( รก.จร. )                  ตั้งแต่ พ.ศ.2551 ถึง พ.ศ. 2552
               ลำดับที่ 15  พระอับ  ธมฺมโชโต    ( รก.จร. )                 ตั้งแต่ พ.ศ.2553 ถึง พ.ศ. 2555
               ลำดับที่ 16  พระวิทยา  ธีรปญฺโญ ( รก.จร. )                 ตั้งแต่ พ.ศ.2557 ถึง พ.ศ. 2559
               ลำดับที่ 17  พระพีรพล  วิชิโต    ( รก.จร. )                  ตั้งแต่ พ.ศ.2559 ถึง พ.ศ. 2562
               ลำดับที่ 18  พระปัญญาบุญฤทธิ์  สุรปญฺโญ  ( รก.จร. )     ตั้งแต่ พ.ศ. 2562 ถึง พ.ศ. 2564
               ปัจจุบัน       พระอธิการปัญญาบุญฤทธิ์  สุรปญฺโญ           ตังแต่ พ.ศ. 2564 ถึง ปัจจุบัน


ประวัติความเป็นมาหมู่บ้านเหล่าขวัญ
ความเป็นมาของหมู่บ้านเหล่าขวัญ มีตํานานเล่าขานที่ลูกหลานเด็กๆ ได้รับฟังกันมา จากการบอกเล่าสืบกันมาจากปู่ย่าตายาย ผู้เฒ่า ผู้แก่ ว่า เดิมหมู่บ้านนี้มีชื่อเรียกกันหลายชื่อ เป็นชื่อที่มีการออกเสียง ความหมายบางคําก็มีความหมายใกล้เคียงกัน เช่น เรียกว่าบ้าน “เหล้าคว่ำ" "เหล่ายายขวัญ” บ้าน "หลักขวัญ" ในที่สุดปัจจุบันเรียกว่า บ้านเหล่าขวัญ
ความเป็นมาของชื่อบ้าน "เหล้าคว่ำ” เล่ากันว่ามีชายหนุ่มต่างถิ่นได้มาหลงรักสาว บ้านท่างาม จึงได้ยกขบวนขันหมากล่องขึ้นมาทางเรือ ค่ำไหนนอนนั่น เย็นวันหนึ่งได้มาพัก จอดเรือ ณ ที่แห่งหนึ่ง ด้วยความมึนเมาของผู้ร่วมขบวนขันหมาก ประกอบกับน้ำที่ไหลเชี่ยว จึงเป็นเหตุให้ไหเหล้าคว่ำตกน้ำ บริเวณที่ไหเหล้าตกน้ำ จึงเรียกว่าบ้าน “เหล้าคว่ำ” (ผู้ให้ข้อมูล นายชื่น และนายเย็น ดีเหม็น) ที่เรียกว่า บ้าน “เหล่ายายขวัญ” บ้าน “หลักขวัญ” บ้านตาลโตนด และบ้านเหล่าขวัญ นั้น เล่ากันว่าในอดีตกาลนานมาแล้ว ได้มีหญิงนางหนึ่งชื่อยายขวัญ ได้เข้ามาจับจองที่ดิน ทำกินในบริเวณนี้เป็นคนแรก และได้ก่อร่างสร้างครอบครัวมั่นคงเป็นปึกแผ่น มีลูกหลาน มากขึ้นก็ขยายพื้นที่ทำมาหากินออกไปกว้างขวาง ยายขวัญจึงได้ปลูกต้นตาลไว้บริเวณรอบพื้นที่ดิน ของตนให้เห็นเป็นแนวเขต คนทั่วไปเรียกว่าบ้าน “ลาวตาลยายขวัญ” ซึ่งปัจจุบันชื่อของหมู่บ้าน ลาวตาลดังกล่าวก็ยังมีอยู่ให้เห็น โดยผู้ครอบครองบริเวณลาวตาลของยายขวัญ คนปัจจุบัน คือนางแอบ พูลหน่าย และผู้คนทั่วไปก็เรียกหมู่บ้านนี้ว่า บ้านเหล่ายายขวัญ “เหล่า” คํานี้อาจ หมายถึง “เหล่ากอ” นานๆ ไป ก็เพี้ยนเป็น “หลักขวัญ”     คําว่า “หลัก” อาจหมายถึง ที่พึ่งที่ยึด ซึ่งปัจจุบันนี้ คนทางเหนือเช่นที่บ้านใหม่ บ้านหนองปลิง บ้านสวนป่าน ก็ยังคงเรียกหมู่บ้านนี้ว่า “บ้านหลักขวัญ” สาเหตุที่กลายเป็นเหล่าขวัญ อาจเป็นเพราะคําว่า “เหล่า” กับ “หลัก” มีความหมายใกล้เคียงกัน ในที่สุดหมู่บ้านนี้ก็ได้ชื่อว่า “บ้านเหล่าขวัญ” มาถึงทุกวันนี้ ผู้ให้ข้อมูล นายศิริ มั่นเหม็น และอาจารย์น้ำหวาน ฟักคง   ลาวตาลของนางแอบ อยู่ในบริเวณเขต วัดนอก ปัจจุบันมีการทำน้ำตาลโตนดที่มีชื่อเป็นสินค้าโอท็อปของอำเภอวัดโบสถ์ ภายหลังเมื่อมีการขยายเขตปกครองของเทศบาลตำบลวัดโบสถ์ หมู่บ้านเหล่าขวัญ จึงเป็นหมู่บ้านที่อยู่ในเขตเทศบาล  ซึ่งกําหนดให้มีการตั้งชุมชนขึ้นในหมู่บ้านเหล่าขวัญ จึงได้ตั้งชุมชนหลวงพ่อเพ็ชร ซึ่งเป็นพระพุทธรูปประธาน ประจำวัดเหล่าขวัญ ที่ประชาชน ศรัทธาเคารพนับถือเป็นหลักใจ เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ของหมู่บ้านเหล่าขวัญ โดยมีวัดเหล่าขวัญเป็นศูนย์รวมใจในการทำบุญ บําเพ็ญกุศลเป็นประจำรวมทั้งช่วยกันดูแลรักษา พัฒนาวัดให้เป็นวัดพัฒนาตัวอย่างประจำหมู่บ้านเหล่าขวัญ
สำหรับประวัติบ้านเหล่าขวัญนี้ ผู้ใหญ่เรียบ พูลหน่าย ไวยาวัจกรวัดเหล่าขวัญ ได้เคยแหล่ให้ฟัง เมื่อครั้งมาทำบุญงานเทศน์มหาชาติ ปี พ.ศ. ๒๕๕๓ ว่า
• จะขอกล่าวเล่าประวัติบ้านเหล่าขวัญ แต่ก่อนนั้นเป็นป่าน่าผยอง ยายขวัญ เป็นคนแรกที่จับจองเข้าครอบครองปลูกตาลเป็นคันแคน
• ต่อมาจึงเรียกว่าบ้านหลักขวัญ ตามยายนั้นมาตั้งหลักหักหวงแหน แล้วเพี้ยน เป็นบ้านเหล่าขวัญ ถิ่นฐานแดน น้ำตาลแสนหวานสนิทรสติดใจ
• ส่วนการเล่นเพลงพื้นบ้านพวงมาลัย เล่นกันวันสงกรานต์มานานหลาย ลุงสิริบอกเล่าให้เข้าใจ เล่นกันในสวนตาโทนเป็นโนนดิน เพราะว่าเป็นที่สูงน้ำไม่ท่วม หนุ่มสาวรวมตัวกันไม่ผันผิน เล่นเพลงพวงมาลัย เป็นอาจินต์ บ้างก็ฮินเลเลปนเปไป
• มีตาฟื้นนักต้นเพลงที่เก่งกาจ ยายฉลองก็สามารถร้องตอบได้ ส่วนยายลิ้ม คนเก่งบรรเลงไว เสียงไพเราะจับใจและน่าฟัง
• นับว่าเป็นแบบอย่างคนรุ่นหลัง เหมือนกับดังเป็นครูผู้สอนสั่ง ชาวเหล่าขวัญ จําได้ไม่ปิดบัง ช่วยสืบสานสอนสั่งกันต่อไป
 
 
ประวัติวัดและตํานานหมู่บ้านเหล่าขวัญ

วัดเหล่าขวัญเป็นวัดราษฎร์เล็กๆ ประจำหมู่บ้านเหล่าขวัญ ตำบลท้อแท้ อำเภอ วัดโบสถ์ จังหวัดพิษณุโลก เดิมที่วัดนี้เป็นเพียงสำนักสงฆ์ที่ชาวบ้านมาทำบุญบําเพ็ญกุศล ในพิธีกรรมต่างๆ ตามวิถีแห่งชาวพุทธ
หมู่บ้านเหล่าขวัญนี้เกิดขึ้น เพราะการเปลี่ยนแปลงทางธรรมชาติ ด้วยแม่น้ำแควน้อย เดิมทีเคยไหลโอบหมู่บ้านเกิดเปลี่ยนทิศทาง สายน้ำได้ไหลหักตัดผ่านด้านซ้ายของหมู่บ้าน กัดเซาะดินในอาณาบริเวณดังกล่าว จนแผ่นดินขยายแยกออกเป็นสองฝากฝั่ง ส่วนบริเวณ ที่เคยมีแม่น้ำไหลผ่านเมื่อเวลาผ่านไปนานเข้าก็กลับตื้นเขินเป็นผลให้ชาวบ้านในถิ่นเดิม ต้องโยกย้ายอพยพครอบครัวบ้านช่องมาอยู่ตามริมฝั่งแม่น้ำสายใหม่ที่ไหลผ่านตั้งเป็นชุมชน บ้านเหล่าขวัญ ทั้งนี้เพื่อความสะดวกใน    การเดินทางและการทำมาหากินที่ต้องอาศัยสายน้ำ เป็นหลัก และชาวบ้านเหล่าขวัญก็ได้อาศัยทำบุญสุนทาน บําเพ็ญกุศล ตามประเพณีของชาวพุทธที่สำนักสงฆ์ที่มีอยู่ในถิ่นโดยเรียกสำนักสงฆ์แห่งนี้ว่า “วัดใน ส่วนถิ่นฐานเก่าที่เคยอยู่เดิมมีวัดเก่าเรียกว่า วัดนอก ซึ่งได้กลายเป็นวัดร้างไปนาน หลายสิบปี แต่ปัจจุบันได้ฟื้นกลับเป็นวัด มีพระสงฆ์อยู่จำพรรษาอีกครั้ง เหตุเพราะมีการขยาย อาณาเขตชุมชนกว้างขวางออกไปมาก การติดต่อคมนาคมสะดวก การประกอบอาชีพ ก็หลากหลาย ไม่ต้องพึ่งสายน้ำแต่เพียงอย่างเดียวเช่นสมัยที่ผ่านมาประมาณ พ.ศ.๒๕๕๐ รองอำมาตย์โทขุนอาวุธวัฒนา (รอด สิงห์บุระอุดม) บุตรชาย คนเล็กของนายสิงห์กับนางตาล ชาวบ้านเหล่าขวัญ ที่ได้เดินทางไปตั้งครอบครัว แต่งงานอยู่กินกับนางเปีย อยู่มั่น ชาวบางกอกน้อยอยู่ฝั่งธนบุรี กรุงธนบุรี เมืองหลวงเก่าสมัยสมเด็จ พระเจ้าตากสินมหาราช ท่านรับราชการเป็นทหารประจำกรมสรรพาวุธ สังกัดกระทรวงกลาโหม
โดยปกติท่านเป็นผู้มีศรัทธาในพระพุทธศาสนา จะไปอยู่วัดรักษาศีลเป็นประจำทุกวันพระ ณ วัดระฆังโฆษิตารามวรวิหาร ซึ่งอยู่ใกล้บ้าน หลังจากเกษียณอายุราชการแล้วเกิดศรัทธาปสาทะ ที่จะทำการทํานุบํารุงพระพุทธศาสนาในถิ่นกำเนิด ท่านจึงนําครอบครัวหมู่ญาติเดินทางกลับมาบูรณะปฏิสังขรณ์ วัดใน ร่วมกับญาติพี่น้องและชาวบ้านเหล่าขวัญ เล่ากันว่าได้พาคณะขึ้นไปตัดไม้ทางเหนือแล้ว นําล่องลงมาตามลำน้ำแควน้อย นํามาเลื่อยแปรรูปสร้างศาลาการเปรียญ โดยท่านเป็น ผู้ควบคุมการก่อสร้างเอง เพราะเป็นผู้มีความรู้ด้านช่างเป็นอย่างดีโดยเฉพาะช่างไม้ ศาลาเก่านี้ สร้างเมื่อ พ.ศ. ๒๕๕๒ ต่อจากนั้นจึงได้สร้างพระอุโบสถขึ้นอีกหลังหนึ่งเมื่อ พ.ศ.๒๔๖๐ พลโทเฉลิม หิญชีระนันทน์ หลานชายท่านขุนอาวุธวัฒนา บุตรชายคุณพระสอน ถูกระบอบ (เรื่อง หิญชีระนันทน์) กับคุณแม่พยุง (ปาน) หิญชีระนันทน์ บุตรสาวของท่านได้เล่า ให้หลานๆ ฟังว่า "คุณตาขุน ได้เคยมาบวชอยู่ที่วัดเหล่าขวัญ ชาวบ้านเรียกท่านว่าหลวงตารอด แต่ต่อมาต้องลาสิกขาเพราะป่วย จึงเดินทางกลับเข้ามารักษาตัวที่กรุงเทพฯ" พี่สุพรรณ สิงห์บุระอุดม หลานปู่ของขุนอาวุธวัฒนา ได้เดินทางมาอยู่กับปู่ที่บ้าน เหล่าขวัญด้วย ญาติและเด็กๆ ชาวบ้านเรียก “แหลมๆ” ซึ่งเพี้ยนมาจากแหร่ม “แหลมหลงพ่อ” เป็นคําล้อเลียนของญาติๆ เพราะเด็กชายแหร่มเรียกว่าพ่อ .ช.แหร่ม เป็นบุตรชายของ รองอำมาตย์ตรี ขุนพิศาลอักษรกิจ (เรียม สิงห์บุระอุดม) 
วัดใน ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา เมื่อประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ หลังจากสร้างศาลาการเปรียญหลังแรกเสร็จเมื่อ พ.ศ.๒๕๕๒ แล้วได้รับชื่อใหม่ว่าวัดเหล่าขวัญ ตามชื่อของหมู่บ้านเข้าใจว่าท่านขุนอาวุธวัฒนาจะเป็นผู้ดำเนินในเรื่องการขอพระราชทานวิสุงคามสีมา กาลเวลาที่ผ่านมาของหมู่บ้านเหล่าขวัญเป็นเครื่องบ่งบอกให้เห็นว่า บรรพบุรุษบ้านเหล่าขวัญ      มีชีวิตผูกพันกับวัดนี้มานานเสนนาน แสดงให้เห็นว่าบ้านกับวัดต้องมีความสัมพันธ์ ใกล้ชิดเกื้อกูลซึ่งกันและกัน ชาวบ้านดูแลทํานุบํารุงสงเคราะห์พระสงฆ์ พระสงฆ์ก็สงเคราะห์ ชาวบ้าน ในเรื่องพระธรรมคําสอน พิธีกรรม เป็นที่พึ่งทางใจและก็ควรจะรักษาเอกลักษณ์นี้ไว้คู่ กับหมู่บ้านเหล่าขวัญสืบไป หลวงพ่อเพ็ชร พระประธานประจำพระอุโบสถของวัดเหล่าขวัญ เป็นที่เคารพศรัทธา และเป็นที่พึ่งทางใจของชาวบ้านมานานแล้ว และมักจะพากันมาอธิษฐานขอพร ขอความ คุ้มครองจากหลวงพ่อเพ็ชรเป็นประจำเกี่ยวกับเรื่องความศักดิ์สิทธิ์ของหลวงพ่อเพ็ชร มีอยู่เรื่องหนึ่ง คุณแม่พยอม (ปุย) นาครัตน์ บุตรสาวคนเล็กของท่านขุนได้เล่าว่า “พ่อใช้นิลแท้ ทำพระเนตรหลวงพ่อเพ็ชร ต่อมาเมื่อครั้งที่ทำการซ่อมแซมพระประธานและโบสถ์ ช่างจีนผู้รับเหมาได้แกะเอานิลที่เป็นพระเนตรไป ภายหลังได้ข่าวว่าช่างจีนคนนั้นตาบอด” 
วัดเหล่าขวัญในยุคต้นๆ ทราบว่ามีคุณลุงครอบ สิงห์บุระอุดม ลูกชายนาย พี่ชายของท่านขุน เป็นหัวเรี่ยวหัวแรงดูแลซ่อมแซม เป็นผู้ติดต่อสร้างสัมพันธ์กับลูกหลานของท่านขุน ทางกรุงเทพฯ และบ้านเหล่าขวัญ ท่านเป็นผู้ที่มีรูปร่างสูงใหญ่แบบ         คนโบราณ แข็งแรง ใจดี ครั้งหนึ่งไม่ทราบแน่ว่าปีใด แต่เป็นช่วงเวลาก่อนที่คณะญาติจะขึ้นไปทอดกฐินที่วัดเหล่าขวัญ        ในปี พ.ศ. ๒๔๙๗ ท่านได้มานอนค้างที่บ้านแม่ปุ๋ย ขณะที่นอนเล่นอยู่ที่ระเบียงบ้านกับหลานๆ ลุงครอบ ได้เล่าให้ฟังว่า       “ลุงเคยอธิษฐาน ขออิฐจากวัดนอกที่เป็นวัดร้าง เพื่อนํามาทำกำแพงแก้วที่วัดเหล่าขวัญพร้อมทั้งขอทรัพย์ ที่จะมาทำตกกลางคืนตอนค่อนรุ่ง ฝันเห็นชายผู้หนึ่งมาบอกว่าจะให้สมบัติ ให้ลุงไปที่ป่า บริเวณวัดนอก ในฝันท่านบอกสถานที่กำหนดดูได้แต่ต้องไปคนเดียว ตอนเวลาเที่ยงคืนให้ไป ขุดตรงที่บอกไว้ ลุงก็ทำตามนั้นทุกอย่าง ขุดไปพบไหใบหนึ่งขณะกําลังก้มลงมองดู เจ้าลูกเขย ลุง ซึ่งไปไล่ล่ากระต่ายในป่าบริเวณนั้นวิ่งมาพบพอดีพร้อมกับร้องถามว่าทำอะไรพ่อ เท่านั้น แหละหลาน ไหที่เห็นอยู่กับตาเลื่อนหายไปพร้อมกับเสียงดังครืด หลังจากวันนั้นลุงครอบและชาวบ้านได้พากันจุดธูปขอและขนอิฐจากวัดนอกมาทำกําแพงแก้วที่วัดเหล่าขวัญ ชาวบ้านที่รู้ข่าวก็พากันไปขุดหาสมบัติด้วย ได้พวกเครื่องใช้ เชี่ยนหมากทองเหลือง ทัพพี แหวนทองเหลืองวงใหญ่ (คนโบราณคงนิ้วใหญ่) และเงินพดด้วง นอกจากนั้นได้พบว่า มีผู้นําพระพุทธรูปขนาดต่างๆ หลายองค์ รวมทั้งพระพุทธรูปยืน ที่สวยงามสมบูรณ์รวมอยู่ด้วย ๑ องค์มาเก็บไว้ภายในโบสถ์วัดเหล่าขวัญ แต่หลังจากนั้น ๒-๓ ปี กลับไปก็ไม่เห็นพระพุทธรูปเหล่านั้น สอบถามแล้วไม่มีผู้ใดตอบได้ว่าพระพุทธรูป เหล่านั้นผู้ใดหรือใครนําไปไว้ที่ใด ภายในวัดเหล่าขวัญ มีพระเจดีย์ก่ออิฐถือปูนเก่าอยู่องค์หนึ่ง ตั้งอยู่ข้างพระอุโบสถ สันนิษฐานว่าน่าจะเป็นเจดีย์เก่าสมัยที่ยังเป็นสำนักสงฆ์ มีอยู่ปีหนึ่งไม่ทราบ พ.ศ.แน่นอน คุณเกษม นาครัตน์ อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดตาก ได้นิมนต์ท่านพระอาจารย์เดชะจันทรังสี เจ้าอาวาสวัดโพธิ์ศรีสำราญ อำเภอเดิมบางนางบวช จังหวัดสุพรรณบุรี ท่านเป็นพระที่มีสมาธิ ดีมาก เดินทางไปร่วมทำบุญที่วัดเหล่าขวัญ ได้มีโอกาสกราบเรียนถามท่านถึงพระเจดีย์เก่า องค์นี้ ท่านตอบสั้นๆ ว่า “มีของดีฝังอยู่ให้รักษาไว้” พ.ศ. ๒๕๕๒ พบว่าสภาพฐานของพระเจดีย์ เปลี่ยนไปมีการโบกปูนเป็นรูปสี่เหลี่ยมรอบฐานพระเจดีย์ เมื่อพิจารณาดูสภาพของพระเจดีย์ ในอดีตเทียบกับปัจจุบันแล้ว น่าเชื่อว่าได้มีการขุดเจาะที่ฐานพระเจดีย์องค์นี้แน่นอน
 
 
 
เอกสารเกี่ยวกับวัด 3 :
(743.21 kb)