วัด
พระอารามหลวง
14 วัด
วัดราษฎร์
413 วัด
สำนักสงฆ์
8 วัด
ที่พักสงฆ์
18 วัด
วัดร้าง
3 วัด
วัดทั้งหมด
456 วัด
ศาสนบุคคลไทย
พระภิกษุ
256 รูป
สามเณร
33 รูป
แม่ชี
9 รูป
ภิกษุณี
0 รูป
สามเณรี
0 รูป
ศิษย์วัด
0 คน
บุคคลทั่วไปชาย
5 คน
บุคคลทั่วไปหญิง
0 คน
ทั้งหมด
303 รูป/คน
ศาสนบุคคลต่างชาติ
พระภิกษุ
0 รูป
สามเณร
0 รูป
แม่ชี
0 รูป
ภิกษุณี
0 รูป
สามเณรี
0 รูป
ศิษย์วัด
0 คน
บุคคลทั่วไปชาย
0 คน
บุคคลทั่วไปหญิง
0 คน
ทั้งหมด
0 รูป/คน
สถิติสถานภาพพระภิกษุปัจจุบัน
พระบวชใหม่
215 รูป
ลาสิกขา
9 รูป
มรณภาพ
3 รูป
รายชื่อวัด
ที่สามารถเข้าระบบได้ล่าสุด
จ. สุพรรณบุรี
วันที่ 14-03-2567
จ. ราชบุรี
วันที่ 24-02-2567
จ. เชียงราย
วันที่ 13-02-2567
จ. สิงห์บุรี
วันที่ 13-02-2567
จ. พิษณุโลก
วันที่ 13-02-2567
จ. พิจิตร
วันที่ 29-01-2567
จ. อุบลราชธานี
วันที่ 25-01-2567
จ. เชียงราย
วันที่ 13-01-2567
จ. สุพรรณบุรี
วันที่ 15-11-2566
โบราณวัตถุ
ประวัติ
วัดบรรพตาวาส {เขากระจิว}
ตั้งอยู่ เลขที่  93  หมู่ที่   6
ตำบลท่ายาง      อำเภอท่ายาง      จังหวัดเพชรบุรี
ตั้งอยู่ห่างจากตัวอำเภอท่ายางประมาณ    2   กิโลเมตร   แยกจากถนนเพชรเกษม (ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข  4)   ไปทางทิศตะวันออก  ประมาณ   1  กิโลเมตร   เป็นวัดใหญ่ของอำเภอท่ายาง และ  ของจังหวัดเพชรบุรี   มีความเจริญรุ่งเรืองและได้รับความศรัทธาเลื่อมใสจากประชาชนในท้องถิ่นและบุคคลทั่วไป      ปัจจุบันมีเสนาสนะและถาวรวัตถุมากมาย     ทั้งกุฏิ      ศาลาการเปรียญ      อุโบสถซึ่งใหญ่โตสวยงามมาก       โรงเรียนปริยัติธรรม     ศาลาบำเพ็ญกุศล     และอื่น  ๆ  มีภิกษุสามเณร      จำพรรษาในกาลพรรษาปีหนึ่ง  ๆ   ประมาณ   50-70  รูป
 

ประวัติความเป็นมา

ของ
 
วัดบรรพตาวาส  (เขากระจิว)
ตั้งขึ้นเมื่อ   พ.ศ.  2403   โดยพระอธิการกฤษ์    ทสฺสโน   ได้เดินมาธุดงค์มาจากต่างจังหวัด  และมาพักอยู่ที่หมู่บ้านหัวตะเฆ้   พักอยู่กับผู้ใหญ่วัต    นาคน้อย   หมู่บ้านหัวตะเฆ้    ได้ร่วมกับผู้ใหญ่วัต  นาคน้อย  และชาวบ้านหาที่สร้างวัด  เพราะในสมัยนั้นพื้นที่นี้แถบยังไม่มีวัด    ที่จะได้บำเพ็ญกุศล    ในสมัยนั้นพื้นที่บริเวณตั้งวัดเต็มไปด้วยป่าไม้เบญจพรรณ   มีไข้ป่าชุกชุม   จนได้ที่เหมาะสม คือ บริเวณเชิงเขากระจิว   ได้รับความร่วมมือจากชาวบ้านเขากระจิว   ช่วยกันหักล้างถางพงไม้  ได้ก่อสร้างที่พักสงฆ์ขึ้น  เพื่อสร้างขึ้นเป็นวัด   โดย   เรียกว่าวัดเขากระจิว      โดยครั้งแรกได้สร้างกุฏิชั่วคราว     หลังคามุงด้วยหญ้าคา    ขึ้น   1   หลัง   และชาวบ้าน    ผู้ใหญ่วัต   นาคน้อย   และชาวบ้านได้อาราธนานิมนต์       พระอธิการกริช ทสฺสโน    เป็น  เจ้าอาวาสวัดเขากระจิว
พ.ศ.  2404   พระอธิการกริช  ทสฺสโน   ได้สร้างกุฏีขึ้น   4   หลัง  ร่วมกับชาวบ้านใกล้เคียง   เนื่องจากมีผู้ศรัทธาเลื่อมใสนำบุตรหลานมาบรรรพชาอุปสมบท   เป็น   พระภิกษุ  สามเณร   5-10  รูป   ในสมัยนั้นต้องไปทำพิธีอุปสมบทที่วัดมหาสมณารามวรวิหาร (เขาวัง)   อำเภอเมือง   จังหวัดเพชรบุรี และนำมาจำพรรษาที่วัดนี้
พ.ศ.   2440   ได้ขออนุญาตจัดตั้งเป็นสำนักสงฆ์และได้ก่อสร้างอุโบสถขึ้น   1   หลัง    คือ  อุโบสถหลังเก่าที่เห็นอยู่ในขณะนี้
            พ.ศ.  2445    ได้ขออนุญาตตั้งขื่อวัดว่า   “วัดบรรพตาวาส”   ซึ่งได้เรียกชื่อกันมาจนทุกวันนี้      แต่ชาวบ้านทั่วไป เรียกว่า  วัดเขากระจิว
            พ.ศ.   2449    ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา  และผูกพัทธสีมาอุโบสถ  จนสามารถใช้เป็นสถานที่อุปสมบทได้ตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา
            พ.ศ.   2473    พระอธิการกริช  ทสฺสโน        ได้ออกเดินธุดงค์ไปต่างจังหวัดและมรณภาพที่ต่างจังหวัด (คือหายสาบสูญไปไม่ปรากฏว่าอยู่ที่ใด  เข้าใจว่าคงมรณภาพแล้วตามความเห็นของเขียนประวัติ)
            พ.ศ.   2473    พระอธิการแผน   ปภากโร    เป็นพระเถระผู้ใหญ่ในขณะนั้น  ได้ขึ้นครองวัด   เป็น  เจ้าอาวาสรูปที่   2   ต่อจากหลวงกริช      ทสฺสโน     สืบต่อมา 
            พ.ศ.   2482     พระอธิการแผน   ปภากโร   เจ้าอาวาสได้มรณภาพลง  ด้วยโรคฝีในท้อง  (เรียกกันในสมัยนั้น)
พระอธิการแผน   ปภากโร   ขึ้นครองวัดได้   18   พรรษา (เป็นเจ้าอาวาส   8  พรรษา)
            พ.ศ.   2483     พระครูโสภิตธรรมาภรณ์  (ทอง   สุมโน)  ได้ขึ้นครองวัดสืบต่อมา  ผลงานของท่านมีมากมาย  จนกระทั้ง  
พ.ศ.  2528   ได้มรณะภาพลง   เมื่อ   วันที่   5  มิถุนายน   พ.ศ. 2528    (ด้วยโรคอัมพาธ)
            พ.ศ. 2528    พระครูกัลยาณวุฒิกร  รักษาการแทนเจ้าอาวาส

            พ.ศ. 2529     พระครูกัลยาณวุฒิกร   ได้ขึ้นครองวัดสืบต่อมาจนถึงปัจจุบัน

พ.ศ.  2534    สร้างอาคารพิพิธภัณฑ์  ๑ หลัง
พ.ศ.  2535    สร้างกุฎีทรงไทย คอนกรีตเสริมเหล็ก   ๑  หลัง
พ.ศ.  2536    ซ่อมพระเจดีย์บนยอดเขาใหม่
         สร้างบันไดขึ้นสู้พระเจดีย์ประมาณ  300 ขั้น
พ.ศ.  2537    สร้างซุ้มประตูทางเข้าวัด   ๑  ซุ้ม
พ.ศ.  2538    สร้างกุฎีทรงไทย คอนกรีตเสริมเหล็ก   ๑   หลัง
พ.ศ.  2540    บูรณะภายในถ้ำสว่างถ้ำมืด เพื่อประดิษฐานพระพุทธรูปประมาณ  30  องค์
                     สร้างป้ายวัดคอนกรีตเสริมเหล็กปั้นลายไทย
                     สร้างห้องน้ำ ยาว  12  เมตร  กว้าง  4  เมตร คอนกรีตเสริมเหล็ก
พ.ศ.  2541    

หมายเหตุ    

คัดลอกจากหนังสือฉลองสมณศักดิ์   “พระครูกัลยาณวุฒิกร “  เจ้าอาวาสชั้นเอก 

22     มีนาคม  2539 

  ผลงานการพัฒนาวัด
 เมื่อ  พระครูกัลยาณวุฒิกร  ได้ขึ้น ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดบรรพตาวาส   ได้พัฒนาวัดเจริญรุ่งเรืองตามลำดับ    ผลงานของท่านมีดังนี้
พ.ศ.   2532    ได้งานฌาปนกิจอดีตเจ้าอาวาส  (พระครูโสภิตธรรมาภรณ์)
พ.ศ.   2534    ได้ก่อสร้างพิพิธภัณฑ์  วัตถุโบราณ  (ชื่อพิพิธภัณฑ์กัลยาณวุฒิกร) 4,000,000 บ.  พ.ศ.   2536     ได้บูรณ์ปฏิสังขรณ์พระเจดีย์ และก่อสร้างบันไดขึ้นสู่เจดีย์  ประมาณ  400  ขั้น  ค่าใช้จ่าย   1,500,000   บาท
 พ.ศ.   2537     ได้ก่อสร้างประตูซุ้ม ทางเข้าวัด  ค่าใช้จ่าย  ประมาณ  800,000  บาท
                                                  ภาพถ่ายประตูซุ้ม
 พ.ศ.   2537   ได้ก่อสร้างกุฎีสองชั้น  คอนกรีตเสริมเหล็กขึ้น  1  หลัง  ค่าใช้จ่าย  1,500,000  บ. 
พ.ศ.  2537   ได้บูรณะปฏิสังขรณ์ ศาลาบำเพ็ญกุศล  ค่าใช้จ่าย ประมาณ  500,000  บาท                          
            พ.ศ   2538    ได้ก่อสร้างกุฎีสองชั้น คอนกรีตเสริมขึ้น   1  หลัง  ค่าใช้จ่าย  2,400,000   บาท
            พ.ศ.  2539    บูรณะปฏิสังขรณ์ติดไฟฟ้าภายในถ้ำ ทั้งถ้ำสว่าง – และถ้ำมืด  ค่าใช่จ่าย 50,000 บ.
                                                       ดังในภาพพระนอน ถ้ำสว่างÊ
 
   
ภาพถ่ายพระนอน ถ้ำสว่างพ.ศ.  2539    ได้ก่อสร้างกุฏีเรือนไม้ยกพื้นขึ้น  1  หลัง   ค่าใช้จ่าย  ประมาณ   350,000  บาท            พ.ศ   2539    ก่อสร้างวัดเฉลิมพระเกียรติปึกเตียน ค่าใช้จ่าย ประมาณ 5,000,000 บาท
            พ.ศ.  2540    ได้ก่อสร้างห้องน้ำยาว  12  ม. กว้าง  4   ม. ค่าใช้จ่าย ประมาณ  170,000 บาท
หมายเหตุ     (พ.ศ. 2403   การก่อสร้างวัด) ขอได้พิจารณาให้รอบครอบ ก่อนที่พิมพ์ประวัติของวัดฯ
หัวข้อควรพิจารณา
กิร  ดังที่ยินมาเล่ากันว่า หลวงพ่อกฤษ์  ทสฺสโน 
เป็นนาคหลวงรุ่นแรกของวัดราชบพิธ กรุงเทพฯ
ประวัติ  วัดราชบพิธ กรุงเทพฯ   ก่อสร้างเมื่อ  พ.ศ.  2412    (สร้างก่อนหลวงพ่อกฤษ์เกิดเสียอีก)
พระอธิการกฤษ์  ทสฺสโน   เกิด เมื่อ พ.ศ.  2415   
บรรพชาอุปสมบท  ตามปกติ ต้องมีอายุครบ 20 ปี บริบูรณ์  
บรรพชาอุปสมบท  ราว พ.ศ.  2435  ถ้าบวชได้  5  พรรษา  ตรงกับ  พ.ศ.  2440 
พระอุโบสถหลังเล็ก  ได้รับวิสุงคามสีมา เมื่อ 31  พฤษภาคม  2449
หลวงพ่อกฤษ์ หนีออกจากวัด เมื่อ มิถุนายน  พ.ศ.  2473  อายุ  58  ปี  เดินออกประตูทิศใต้วัด 
ประวัติของวัดบรรพตาวาส (เขากระจิว) ที่ทำกันมานั้น ใช้ พ.ศ. 2403 เป็นการก่อสร้างวัด ถึงปัจจุบัน  ประมาณ  140 ปี ?
 
ภายในถ้ำมืด
 เว้นชั่ว  ประกอบดี  ทำจิตให้ผ่องแผ้ว
 สั่งสอนพระภิกษุสามเณร ตลอดเวลาในเพศบรรพชิตของท่าน
 ภายในถ้ำมืด
ทางขึ้นถ้ำมืด และถ้ำสว่าง
ภายในถ้ำสว่าง
ภายในถ้ำสว่าง เขากระจิว

ที่อยู่ :
ต.น้ำอ่าง อ.ตรอน จ.อุตรดิตถ์
จำนวนเข้าดู :
2660
ปรับปรุงล่าสุด :
2 มิถุนายน พ.ศ. 2561 09:08:24
ข้อมูลเมื่อ :
2 มิถุนายน พ.ศ. 2561 09:08:24